วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2558

อาชญากรรมและอาชญากรคอมพิวเตอร์




     

       อาชญากรคอมพิเตอร์ คือ ผู้กระทำผิดกฎหมายโดยใช้เทคโนโลยีคอมพิเตอร์เป็นเครื่องมือสำคัญในการก่ออาชญากรรมและกระทำความผิดนั้น สามารถจำแนกได้ดังนี้
       1. การขโมยข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต
       2. การที่อาชญากรนำเอาระบบการสื่อสารมาปิดความผิด
        3. การละเมิดสิทธิปลอมแปลง
        4. การใช้คอมพิวเตอร์แพร่ข้อมูลที่ไม่เหมาะสม
5. การใช้คอมพิวเตอร์ฟอกเงิน
         6. การที่มีอันธพาลเข้าไปก่อกวนทำลายระบบสาธารณูปโภค
        7. การหลอกลวงให้ร่วมลงทุนปลอม
        8. การแทรกแซงข้อมูลและนำข้อมูลมาใช้โดยมิชอบ
        9. การใช้คอมพิวเตอร์แอบโอนเงิน
        วิธีป้องกันการเข้าถึงข้อมูลและคอมพิวเตอร์
        1. ใช้ชื่อผู้ใช้ และรหัสผ่าน
        2. ใช้วัตถุเพื่อการเข้าสู่ระบบ
        3. ใช้อุปกรณ์ทางชีวภาพ
        4. ระบบเรียกกลับ\

     

กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ



       1. กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อคุ้มครองสิทธิในความเป็นส่วนตัวจากการนำเข้าข้อมฟุลของบุคคลไปใช้ในทางมิชอบ
       2. กฎหมายอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ เพื่อคุ้มครองสังคมจากความผิดที่เกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารอันถือเป็นทรัพย์ที่ไม่มีรูปร่าง
       3. กฎหมายการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อคุ้มครองการทำธุรกรรมทางอินเตอร์เน็ต
       4. กฎหมายการสับเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อที่จะเอื้อให้มีการทำนิติกรรมสัญญาทางอิเล็กทรอนิกส์ได้
       5. กฎหมายลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่คู่ดรณีมนอันที่จะต้องพึ่งพาเทคโนโลยี
       6. กฎหมายโอนเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคและสร้างหลักประกันที่มั่นคง
       7. กฎหมายการโทรคมนาคม เพื่อวางกลไกในการเปิดเสรีให้มีการแข่งขันที่เป็นธรรมและมีประสิทธิภาพ ทั้งสร้างหลักประกันให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการโทรคมนาคมได้อย่างทั่วถึง
       8. กฎหมายระหว่างประเทศ องค์การระหว่างประเทศและการค้าระหว่างประเทศทีาเกี่ยวเนื่องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
       9. กฎหมายที่เกี่ยวเนื่องกับอินเตอร์เน็ต
       10. กฎหมายพัฒนาเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์

ความหมายของจริยธรม

     


       จริยธรรม หมายถึง หลักของความถูกและความผิดที่บุคคลใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติ
       กรอบคามคิดเรื่องจริยธรรม
       1. ความเป็นส่วนตัว คือ สิทธิที่จะอยู่ตามลำพังและเป็นสิทธิจ้าของสามารถที่จะคบคุมข้อมูลของต้นเองในการเปิดเผยให้กับผู้อื่น
       2. ความถูกต้อง คือ คามน่าเชื่อถือได้ของข้อมูล ทั้งนี้ข้มูลจะมีคามน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใดย่อมขึ้นอยู่กับคามถูกต้องในการบันทึกข้อมูลด้วย
       3. ทรัพย์สินทางปัญญา คือ สิทธิในการครอบครองคามเป็นเจ้าของหรือในการถือครองทรัพย์สิน
       4. การเข้าถึงข้อมูล คือ ระบบคอมพิเตอร์มักจะมีการกำหนดสิทธิตามระดับของผู้ใช้งาน ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันการเข้าดำเนินการต่างๆ

     

วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศ

      ผลกระทบในทางบวก
       1. ช่วยส่งเสริมความสะดวกสบายของมนุษย์ เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยทำให้มนุษย์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทำให้มนุษย์รับข้อมูลข่าวสารได้มากขึ้น ไม่ต้องเสี่ยงภัยกับงานที่มีอันตราย
       2. ช่วยทำให้การผลิตในอุตสาหกรรมดีขึ้น การผลิตสินค้าในปัจจุบันเป็นระบบที่ต้องการผลิตสินค้าจำนวนมาก มีคุณภาพมาตรฐาน สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง
       3. ช่วยส่งเสริมการค้นคว้าวิจัยให้มีความสะดวกและมีประสิทธิภาพขึ้น นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ ใช้ประโยชน์จากคอมพิวเตอร์ในการจำลองรูปแบบของสิ่งที่มองไม่เห็นตัว ใช้ในการค้นหาข้อมูลที่มีจำนวนมากและแพร่กระจายอยู่ทั่วโลก
       4. ช่วยส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ทำให้กิจการทางด้านการแพทย์เจริญก้าวหน้าขึ้นมาก
       5. ช่วยส่งเสริมสติปัญญาของมนุษย์ งานบางอย่างถ้าให้มนุษย์ทำอาจต้องเสียเวลาในการคิดคำนวณตลอดชีวิต แต่คอมพิวเตอร์สามรถทำงานเสร็จในเวลาไม่กี่วินาที ดังนั้นจึงมีการนำคอมพิวเตอร์มาจำลองเหตุการณ์ต่างๆ เพื่อให้มนุษย์หาทางศึกษาหรือแก้ปัญหา
       6. เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยให้เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรือง เทคโนโลยีช่วยส่งเสริมงานทางด้านเศรษฐกิจ ทำให้กระแสเงินหมุนเวียนได้อย่างกว้างขวาง ผลิตสินค้าได้มาก ลดต้นทุน 
       7. ช่วยให้เกิดความเข้าใจอันดีระหว่างกัน สังคมโลกมีสภาพไร้พรมแดน
       8. ช่วยส่งเสริมประชาธิปไตย ในการเลือกตั้งมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อกระจายข่าวสาร ใช้ในการนับคะแนน แจ้งผล
       ผลกระทบในทางลบ
       1. ทำให้เกิดอาชญากรรม โจรผู้ร้ายอาจใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการวางแผนปล้น วางแผนโจรกรรม มีการลักลอบใช้ข้อมูลข่าวสาร
      2. ทำให้ความสัมพันธ์ของมนุษย์เสื่อมถอย อุปกรณ์สื่อสารทำให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้โดยไม่ต้องเห็นตัว ทำให้ความสัมพันธ์กับผู้อื่นลดลง
       3. ทำให้เกิดความวิตกกังวล มีการนำเอาหุ่นยนต์มาใช้ในงานมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้แรงงานอาจตกงาน
       4. ทำให้เกิดการเสี่ยงภัยทางด้านธุรกิจ เช่น ข้อมูลลูกหนี้การค้า ข้อมูลสินค้าและบริการต่บางๆ หากเกิดการสูญหายของข้อมูลอันเนื่องมาจากเหตุอุบัติภัย
       5. ทำให้มีการพัฒนาอาวุธที่มีอำนาจทำลายสูง ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดสงครามและมีการสูญเสียมากขึ้น
       6. ทำให้เกิดการแพร่วัฒนธรรมและกระจายข่าวสารที่ไม่เหมาะสมอย่างรวดเร็ว การใช้งานอินเตอร์เน็ตมีการใช้งานข่าวสารในเรื่องภาพที่ใหม่เหมาะสม การดำเนินการเช่นนี้ย่อมขึ้นอยู่กับจริยธรรมของผู้ดำเนินการ
       7. ทำให้ข้อมูลหรือโปรแกรมถูกทำลายได้ง่าย ไวรัสคอมพิวเตอร์บางชนิดทำลายโปรแกรม บางชนิดทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานช้าลง



วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เทคโนโลยีสารสนเทศกับการเปลี่ยนแปลง



       แนวโน้มที่สำคัญที่เกิดจากเทคโนโลยีที่สำคัญและเป็นที่กล่าวถึงกันมาก ดังนี้
       1. เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้สังคมเปลี่ยนจากสังคมอุตสาหกรรมมาเป็นสังคมสารสนเทศ การดำเนินธุรกิจใช้สารสนเทศอย่างกว้างขวาง เกิดคำใหม่ว่า ไซเบอร์สเปซ
       2. เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเทคโนโลยีแบบตอบสนองตามความต้องการของผู้ใช้ เพราะเทคโนโลยีมีพัฒนาการที่ก้าวหน้า
       3. เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้เกิดสภาพการทำงานแบบทุกสถานที่ และทุกเวลา เมื่อการสื่อสารก้าวหน้าและแพร่หลายขึ้น การโต้ตอบผ่านเครือข่ายทำให้มีปฏิสัมพันธ์ได้ ตลอด 24 ชั่วโมง
       4.เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้ระบบเศรษฐกิจเปลี่ยนจากระบบท้องถิ่นไปเป็นเศรษฐกิจโลก กระแสการหมุนเวียนแลกเปลี่ยนสินค้าบริการอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว
       5. เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้องค์กรมีลักษณะผูกพัน หน่วยงานภายในเป็นแบบเครือข่ายมากขึ้น
       6. เทคโนโลยีสารสนเทศก่อให้เกิดการวางแผนการดำเนินการระยะยาวขึ้น อีกทั้งยังทำให้วิธีการตัดสินใจรอบคอบมากขึ้น แต่เดิมการตัดสินปัญหาอาจมีหนทางให้เลือกได้น้อย
       7. เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเทคโนโลยีทีามีบทบาททีาสำคัญในทุกวงการ ดังนั้นจึงมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม วัฒนธรรม ศีลธรรม การศึกษาเศรษฐกิจและการเมืองอย่างมาก


การขยายตัวของเทคโนโลยีสารสนเทศ



       เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเทคโนโลยีที่มีการแพร่ขยายอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับมนุษย์ทุกคนไม่ทางตรงก็ทางอ้อม
       หากพิจารณาการใช้งานคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารทั่วไปของโลก ปัจจุบันมูลค่าของสินค้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว สิ่งที่น่าสนใจคือพัฒนาไปแล้ว 10 ประเทศ มีสัดส่วนการใช้คอมพิวเตอร์มากถึงกว่าร้อยละ 90 ของประมาณการใช้คอมพิวเตอร์ทั่วโลก
        ผู้ผลิตสินค้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศพบว่า ประเทศผู้ผลิตเพื่อส่งออกมีเพียงไม่กี่ประเทศทั่วโลก ประเทศเหล่านี้ส่วนมากมีเทคโนโลยีของตนเอง
       ความก้าวหน้าของคอมพิวเตอร์และเครื่องมือสื่อสาร ทำให้อุปกรณ์ต่างๆ มีขนาดเล็กลงแต่มีความสามารถเพิ่มขึ้น และมีราคาถูกจนผู้ที่สนใจสามารถซื้อมาเองได้ แทบกล่าวได้ว่าบทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน
        ปัจจุบันคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารได้สร้างประโยชน์อย่างมากต่อวงกาธุรกิจ มีการลงทุนขยายขอบเขตการให้บริการโดยใช้ระบบสารสนเทศกันมากขึ้น นอกจากนี้ การเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทำให้สังคมโลกเป็นสังคมแบบไร้พรมแดน

ประเภทของระบบสารสนเทศ

 


       ระบบสารสนเทศสามรถจัดแบ่งประเภทได้หลายวิธี ถึงประเภทของระบบสารสนเทศที่สำคัญ 3 ประเภท ดังนี้
       1. ระบบสารสนเทศที่สนับสนุนการทำงานของผู้ปฏิบัตงานหรือผู้บริหารระดับต่าง
       2. การจำแนกตามหน้าที่ขององค์การ
       3. การจำแนกตามการให้การสนับสนุนของระบบสารสนเทศ
       ระบบสารสนเทศที่สนับสนุนการทำงานของผู้ปฏิบัติงานหรือผู้บริหารระดับต่างๆ แบ่งประเภทของสารสนเทศไว้ดังนี้
       1. ระบบสารสนเทศประมวลผลรายการ เป็นระบบสารสนเทศที่เกี่ยวกับการบันทึกและประมวลผลข้อมูลที่เกิดจากธุรกรรม
       2. ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ เป็นระบบสารสนเทศสำหรับผู้ปฏิบัติงานระดับกลาง วางแผน การบริการจัดการ และการควบคุม
       3. ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ เป็นระบบที่ช่วยบริหารในการตัดสินใจสำหรับปัญหา สามารถเสนอทางเลือกให้ผู้บริหารพิจารณา

วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2558

การแทนข้อมูลในคอมพิวเตอร์

       คอมพิวเตอร์ทำงานด้วยหลักการทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้สัญญาณทางไฟฟ้าแทนตัวเลขศูนย์และหนึ่ง ซึ่งเป็นตัวเลขในระบบฐานสอง แต่ละหลักเรียกว่า บิต และเมื่อนำตัวเลขหลายๆ บิตมาเรียงกัน จะสร้างรหัสแทนจำนวนอักขระหรือสัญลักษณ์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษได้ จึงมีการกำหนดมาตรฐานของสหรัฐอเมริกาเพื่อการสับเปลี่ยนสารสนเทศหรือรหัสแอสกี และรหัสสับเปลี่ยนเลขฐานสิบเข้ารหัสฐานสองแบบขยายหรือรหัสเอบซีดิก
       รหัสแอสกี กำหนดขึ้นโดยหน่วยงานกำหนดมาตรฐานของสหรัฐอเมริกาใช้กันแพร่หลายกับระบบคอมพิวเตอร์ทั่วไปและระบบสื่อสารข้อมูล รหัสอักขระแต่ละตัวประกอบด้วย 8 บิต
       ตัวเลขฐานสอง 8 บิต หรือ 1 ไบต์ สามารถใช้แทนรหัสต่างๆ ได้ถึง 256 ตัว แต่รหัสตัวอักษรภาษาอังกฤษทั้งหมดมีจำนวนรวมกันไม่เกิน 128 ตัว 
       ดังนั้น สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมจึงได้กำหนดภาษาไทยเพิ่มเติมเพื่อใช้ในงานสารสนเทศเป็นภาษาไทยได้
       รหัสเอบซีดิก เป็นการกำหนดรหัสแทนตัวอักขระที่ใช้กันแพร่หลายอีกแบบหนึ่ง การกำหนดรหัสจะใช้ 8 บิต หรือ 1 ไบต์ต่อ 1 อักขระ เหมือนกับรหัสแอสกี แต่แบบของรหัสที่กำหนดจะแตกต่างกัน
       ระบบเลขฐานสอง โดยระบบเลขฐานสองเป็นระบบตัวเลขที่ประกอบด้วยตัวเลขเพียง 2 ตัว คือ 0 และ 1 เท่านั้น
       นอกจากระบบเลขฐานสองแล้ว ในการทำงานของคอมพิวเตอร์ยังอาจเกี่ยวข้องกับระบบตัวเลขระบบอื่น เช่น ระบบเลขฐานแปดและระบบเลขฐานสิบหก ซึ่งระบบเลขฐานทั้งสองจะมีแนวคิดในทำนองเดียวกันกับระบบเลขฐานสองและฐานสิบ



ระบบสารสนเทศที่ใช้ในคอมพิวเตอร์

      ระบบสารสนเทศที่ใช้คอมพิวเตอร์ประกอบด้วย ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ข้อมูล บุคลากร กระบวนงาน โทรคมนาคม ซึ่งถูกกำหนดขึ้นเพื่อทำการวบรวม จัดการ จัดเก็บและประมวลผลข้อมูลให้เป็นสารสนเทศดังนี้
       1. ฮาร์ดแวร์ คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการรวบรวม การนำเข้า และการจัดเก็บข้อมูล ประมวลผลข้อมูลให้เป็นสารสนเทศและแสดงสารสนเทศที่เป็นผลลัพธ์ออกมา
       2. ซอฟแวร์ ประกอบด้วยกลุ่มของโปรแกรมที่ใช้ในการปฏิบัติงานร่วมกับฮาร์ดแวร์ และใช้ในการประมวลผลข้อมูลเป็นสารสนเทศ
       3. ข้อมูล หมายถึง ข้อมูลและสารสนเทศที่ถูกเก็บอยู่ในฐานข้อมูล โดยฐานข้อมูล หมายถึง กลุ่มของข้มูลและสารสนเทศที่มีความเกี่ยวข้องกัน
       4. บุคลากร หมายถึง บุคลที่เกี่ยวข้องกับงานคอมพิวเตอร์ทั้งหมด
       5. กระบวนงาน หมายถึง กลุ่มของคำสั่งหรือกฎที่แนะนำวิธีการปฏิบัติงานคอมพิวเตอร์ในระบบสารสนเทศ
       6. การสื่อสารข้อมูล หมายถึง การส่งสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์เพื่อติดต่อสื่อสารและช่วยให้องค์กรสามารถเชื่อมระบบคอมพิวเตอร์เข้ากับระบบเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพ


วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ระบบสารสนเทศ

     ระบบสารสนเทศ หมายถึง ระบบที่ดำเนินการจัดการข้อมูลข่าวสารในองค์กรให้สามารถนำมาใช้ได้อย่างเป็นระบบระเบียบ โดยมีหรือไม่มีคอมพิวเตอร์เข้ามาเกี่ยวข้องก็ได้ แต่ในที่นี้จะหมายถึงระบบที่มีการใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยจัดการข้อมูลข่าวสารเพื่อให้ได้มาเพื่อสารสนเทศเพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจในเวลาอันรวดเร็วและถูกต้องที่สุด ดังนั้นระบบสารสนเทศในที่นี้จึงประกอบด้วย ฮาร์ดแวร์ ซอฟแวร์ ผู้ใช้ กระบวนการ และตัวข้อมูลหรือสารสนเทศโดยมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนสามารถตรวจสอบและประเมินระบบได้ ในปัจจุบันเมื่อกล่าวถึงระบบสารสนเทศ มักหมายถึงระบบที่ต้องอาศัยคอมพิวเตอร์และระบบโทรคมนาคม

การจัดการข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ

       การทำข้อมูลให้เป็นสารสนเทศที่จะเป็นประโยชน์ต่อการใช้งาน ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
       1. การรวบรวมและตรวจสอบข้อมูล ควรประกอบด้วย
         1. การรวบรวมข้อมูล ซึ่งมีจำนวนมาก และต้องเก็บให้ได้อย่างทันเวลา
         2. การตรวจสอบข้อมูล เพื่อข้อมูลที่เก็บเข้าในระบบจะต้องมีความเชื่อถือได้
       2. การดำเนินการประมวลผลข้อมูลให้กลายเป็นสารสนเทศ ประกอบด้วยกิจกรรมดังต่อไปนี้
         1. การจัดแบ่งข้อมูล ข้อมูลที่จัดเก็บจะต้องมีการแบ่งแยกกลุ่มเพื่อเตรียมไว้สำหรัการใช้งาน
         2. การจัดเรียงข้อมูล ควรมีการจัดเรียงข้อมูลตามลำดับ ตัวเลข หรือตัวอักษร เพื่อให้เรียกใช้งานได้ง่ายประหยัดเวลา
         3. การสรุปผล ข้อมูลที่จัดเก็บมีเป็นจำนวนมาก จำเป็นต้องนำมาสรุปหรือย่อ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ ข้อมูลที่สรุปได้นี้อาจสื่อความหมายได้ดีกว่า
         4. การคำนวณ ข้อมูลบางส่วนเป็นข้อมูลตัวเลขที่สามารถนำไปคำนวณเพื่อหาผลลัพธ์บางอย่างได้
       3. การดูแลรักษาสารสนเทศเพื่อการใช้งาน ประกอบด้วย
         1. การเก็บรักษาข้อมูล หมายถึง การนำข้อมูลมาบันทึกเก็บไว้ในสื่อบันทึกต่างๆ
         2. การค้นหาข้อมูล การค้นหาข้อมูลจะต้องค้นได้ถูกต้องแม่นยำ รวดเร็ว
         3. การทำสำเนาข้อมูล เพื่อที่จะนำข้อมูลเก็บรักษาไว้หรือนำไปแจกในภายหลัง
         4. การสื่อสาร ข้อมูลต้องกระจายหรือส่งต่อไปยังผู้ใช้งานที่ห่างไกลได้ง่าย
       วิธีการประมวลผลข้อมูล
       วิธีการประมวลผลข้อมูลสามารถแบ่งได้ตามสภาวะการนำข้อมูลมาประมวลผลได้ 2 วิธี คือ
       1. การประมวลผลแบบเชื่อมตรง (Online Processing)
       การประมวลผลแบบนี้เป็นการทำงานในขณะที่้อมูลของเครื่องหลักที่ใช้ในการประมวลผลเครื่องปลายทาง ไปยังฐานข้อมูลของเครื่องหลักที่ใช้ประมวลผล
       2. การประมวลผลแบบกลุ่ม (Bath Processing)
       เป็นการประมวลผลในเรื่องที่สนใจเป็นครั้งๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ โดยจะต้องมีการรวบรวมข้อมูลไว้ก่อน
       
       

สารสนเทศ

       สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ เพราะได้ผ่านการประมวลผลด้วยวิธีการที่เหมาะสมและถูกต้อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ อยู่ในรูปแบบที่สามารถนำไปใช้งานได้ และจะต้องอยู่ในช่วงเวลาที่ต้องการ
       คุณลักษณะของสารสนเทศ
       1. ความถูกต้องแม่นยำ
       2. ความทันต่อการใช้งาน
       3. ความสมบูรณ์และกะทัดรัด
       4. สอดคล้องต่อความต้องการ
       5. เข้าใจง่าย
       6. เชื่อถือได้
       7. คุ้มราคา
       8. ตรวจสอบได้
       9. สะดวกในการเข้าถึง
       10. ปลอดภัย
       

วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ข้อมูล

       ความหมายของข้อมูล 
       ข้อมูล (Data) หมายถึง ข้อเท็จจริงหรือรายละเอียดของสิ่งที่หน้าสนใจ ข้อเท็จจริงเหล่านี้อาจอยู่ในรูปแบบต่างๆ เช่น ตัวเลข ข้อความ ดังนั้น การเก็บข้อมูลจึงเป็นการเก็บรวบรวมเกี่ยวกับข้อเท็จจริงของสิ่งที่สนใจนั่นเอง ข้อมูลจึงหมายถึง ตัวแทนของข้อเท็จจริง หรือความเป็นไปของสิ่งที่สนใจ
       คุณสมบัติของข้อมูลที่ดี 
       1. ความถูกต้องแม่นยำ หากมีการเก็บรวบรวมข้อมูลแล้วข้อมูลเหล่านั้นเชื่อถือไม่ได้ จะทำให้เกิดผลเสียอย่างมาก ผู้ใช้จะไม่กล้าอ้างอิงหรือนำเอาข้อมูลไปใช้ประโยชน์ โครงสร้างข้อมูลที่ออกแบบต้องคำนึงถึงกรรมวิธีการดำเนินงานเพื่อให้ได้ความถูกต้องแม่นยำที่สุด ปกติความผิดพลาดของสารสนเทศส่วนใหญ่มาจากข้อมูลที่ไม่มีความถูกต้อง
       2. มีความเป็นปัจจุบัน การได้มาของข้อมูลจำเป็นต้องให้ทันต่อความต้องการของผู้ใช้ มีการตอบสนองต่อผู้ใช้ได้เร็ว ตีความหมายสารสนเทศได้ทันต่อเหตุการณ์ และรายงานตามความต้องการของผู้ใช้
       3. ความสมบูรณ์ครบถ้วน ในการดำเนินการจัดทำสารสนเทศต้องสำรวจและสอบถามความต้องการใช้ข้อมูลเพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีความสมบูรณ์ในระดับหนึ่งที่เหมาะสม
       4. ความกะทัดรัด การจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากต้องใช้พื้นที่ในการจัดเก็บ มีการใช้รหัสหรือย่นย่อข้อมูลให้เหมาะสมเพื่อที่จะจัดเก็บเข้าไว้ในระบบคอมพิวเตอร์
       5. ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ ต้องมีการสำรวจเพื่อความต้องการของหน่วยงานและองค์กร ดูสภาพการใช้ข้อมูล ความลึกหรือความกว้างขวาง ขอบเขตของข้อมูลที่สอดคล้องกับความต
       ประเภทของข้อมูล แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ ตามแหล่งกำเนิด และตามลัษณะของข้อมูล
       1. การแบ่งข้อมูลตามแหล่งกำเนิด แบ่งได้ 2 ประเภท คือ
        1. ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Data) หมายถึง ข้อมูลที่ได้จากการเก็บรวบรวมจากแหล่งข้อมูลโดยตรง ข้อมูลเหล่านี้มีการตีพิมพ์เผยแพร่เพื่อให้ใช้งานได้หรือนำเอาไปประมวลผลต่อ
        2. ข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Data) หมายถึง ข้อมูลที่ผู้อื่นรวบรวมไว้ให้แล้ว ข้อมูลเหล่านี้มีการตีพิมพ์ดผยแพร่เพื่อให้ใช้งานได้หรือนำเอาไปประมวลผลต่อ
       2. การแบ่งข้อมูลตามลักษณะของข้มูล แบ่งได้ 2 ประเภท
        1. ข้อมูลเชิงปริมาณ (Quantitative Data) หมายถึง ข้อมูลที่ใช้แทนขนาดหรือปริมาณ ซึ่งวัดออกมาเป็นค่าตัวเลขที่สามารถนำมาใช้เปรียบเทียบขนาดได้โดยตรง
        2. ข้อมูลเชิงคุณภาพ (Qualitative Data) หมายถึง ข้อมูลที่ไม่สามารถวัดออกมาเป็นค่าตัวเลขได้โดยตรง แต่วัดออกมาในเชิงคุณภาพได้
       ฉะนั้นการทำข้อมูลให้เป็นสารสนเทศที่จะเป็นประโยชน์ต่อการใช้งาน จำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการดำเนินการ เริ่มตั้งแต่การรวบรวมและตรวจสอบข้อมูล การดำเนินการประมวลผลข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ และการดูแลรักษาสารสนเทศเพื่อการใช้งาน

       


วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศในด้านต่างๆ

       การกำเนิดของคอมพิวเตอร์เมื่อประมาณ 50 กว่าปีที่แล้ว นับเป็นก้าวสำคัญที่นำไปสู่ยุคสารสนเทศ เมื่อเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ได้ก้าวหน้ามากขึ้น ทำให้สามารถสร้างคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กลงแต่ประสิทธิภาพสูงขึ้นผลของเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีต่อชีวิตความเป็นอยู่และสังคมจึงมีมาก มีการเรียนรู้และใช้สารสนเทศกันอย่างกว่างขวาง ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศโดยรวมกล่าวดังนี้
       1. การสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สภาพความเป็นอยู่ของสังคมเมือง มีการพัฒนาใช้ระบบสื่อสารโทรคมนาคม เพื่อติดต่อสื่อสารให้สะดวกขึ้ัน มีการประยุกต์มาใช้กับเครื่องอำนวยความสะดวกภายในบ้าน
       2. เสริมสร้างความเท่าเทียมในสังคมและการกระจายโอกาส เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้เกิดการกระจายไปทั่วทุกหนแห่งแม้แต่ถิ่นทุรกันดาร ทำให้มีการกระจายโอกาสการเรียนรู้มีการใช้ระบบการเรียนการสอนทางไกลผ่านดาวเทียม
       3. สารสนเทศกับการเรียนการสอนในโรงเรียน การเรียนการสอนในโรงเรียนมีการนำคอมพิวเตอร์และเครื่องมือช่วยในการเรียนรู้ ปัจจุบันมีการเรียนการสอนทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในโรงเรียนมากขึ้น
       4. เทคโนโลยีสารสนเทศกับสิ่งแวดล้อม การจัดการทรัพยากรธรรมชาติหลายอย่างจำเป็นต้องใช้สารสนเทศ ตลอดจนการใช้ระบบการตรวจวัดระยะไกลมาช่วย ที่เรียกว่า โทรมาตร
       5. เทคโนโลยีสารสนเทศกับการป้องกันประเทศ  กิจการทางด้านการทหารมีการใช้เทคโนโลยี อาวุ
ธยุทโธปกรณ์สมัยใหม่ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์และระบบควบคุม มีการใช้ระบบป้องกันภัย ระบบเฝ้าระวังที่มีคอมพิวเตอร์ควบคุมการทำงาน
       6. การผลิตในอุตสาหกรรม และการพาณิชยกรรม การแข่งขันทางด้านการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมจำเป็นต้องหาวิธีการในการผลิตให้ได้มาก และราคาถูกลง เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทมาก


ลักษณะสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ

     พื้นฐานของเทคโนโลยีย่อมมีประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าได้แต่เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเนื่องที่เกี่ยวข้องกับวิถีความเป็นอยู่ของสังคมสมัยใหม่อยู่มาก ลักษณะองเทคโนโลยีสารสนเทศ มีดังนี้
      1. เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ในการประกอบการทางด้านเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม จำเป็นต้องหาวิธีเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารเข้ามาช่วยทำให้เกิดระบบอัตโนมัติ    
       2. เทคโนโลยีสารสนเทศเปลี่ยนรูปแบบการบริการเป็นแบบกระจาย เมื่อมีการพัฒนาระบบข้อมูลและการใช้ข้อมูลได้ดี การบริการต่างๆ จึงเน้นรูปแบบการกระจาย ผู้ใช้สามารถสั่งซื้อสินค้าจากที่บ้าน สามรถสอบถามข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์
       3. เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการดำเนินการในหน่วยงานต่างๆ ปัจจุบันทุกหน่วยงานต่างพัฒนาระบบรวบรวมจัดเก็บข้อมูลเพื่อใช้ในองค์การ ในองค์การทุกระดับเห็นความสำคัญที่จะนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้
       4. เทคโนโลยีสารสนเทศเกี่ยวข้องกับคนทุกระดับ พัฒนาการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ดังจะเห็นได้จากการพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์ การใช้ตารงคำนวณ เป็นต้น

วิวัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศ

        เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวันอย่างมาก สังเกตได้จากการนำคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลมาใช้ในสำนักงาร เทคโนโลยีสารสนเทศเพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน เมื่อราว พ.ศ. 2500 เทคโนโลยีสารสนเทศยังไม่แพร่หลาย จะมีเพียงการใช้โทรศัพท์เพื่อการติดต่อสื่อสารและเริ่มมีการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยประมวลผลข้อมูล เมื่อมีการประดิษฐ์คิดค้นอุปกรณ์ช่วยงานสารสนเทศมากขึ้น ระบบสารสนเทศที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในขณะนี้ คือ เทคโนโลยีแบบสื่อประสม ซึ่งรวมข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และเสียงเข้าด้วยกัน เทคโนโลยีนี้กำลังได้รับการพัฒนา ในอนาคตเทคโนโลยีแบบสื่อประสมจะช่วยเสริมและสนับสนุนงานด้านสารสนเทศให้ก้าวหน้าต่อไป การพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นไปอย่างรวดเร็วทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์
       การดำเนินชีวิตในปัจจุบันเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์ที่มีบทบาทเพิ่มขึ้น พ.ศ. 2528 กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดให้การเรียนคอมพิวเตอร์เป็นวิชาเลือก แต่ในปัจจุบันกำหนดให้นักเรียนทุกคนต้องเรียนทุกคนต้องเรียน เพื่อให้เยาวชนเข้าใจในเทคโนโลยีสารสนเทศ
       เทคโนโลยีสารสนเทศที่ใช้ในการจัดการสารสนเทสมากที่สุด คือ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ซึ่งมีวิวัฒนาการการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ดังนี้
       ยุคที่ 1 การประมวลผงข้อมูล (Data Processing Era) ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการคำนวณและการประมวณผลข้อมูลของงานประจำ เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร
       ยุคที่ 2 ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (Management Information System) มีการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการตัดสินใจดำเนินการ ควบคุม ติดตามผล และวิเคราะห์ผลงานของผู้บริหารระดับต่างๆ
       ยุคที่ 3 การจัดการทรัพยากรสารสนเทศ (Information Resource Management) การใช้คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่จะเน้นถึงการใช้สารสนเทศที่ช่วยในการตัดสินใจนำหน่วยงานไปสู่ความสำเร็จ
       ยุคที่ 4 เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology Era) หรือยุคไอที ความเจริญของเทคโนโลยีสูงมาก ทำให้สามารถสร้างทางเลือกและรูปแบบใหม่ของสินค้าและบริการ โดยการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ และระบบการสื่อสารโทรคมนาคมเป็นเครื่องมือช่วยในการจัดระบบสารสนเทศ